ตอนกินข้าวเช้าคุยกันว่าวันนี้จะทำอะไร สรุปว่าจะไปนั่งกระเช้าไฟฟ้าและจะไปวัดพระพุทธรูปทองคำ. หลังกินข้าวเสร็จก็ขึ้นห้องและนัดเจอกันที่ล็อบบี้ตอน 10 โมง... เราลงมาห้านาทีก่อนเวลา, ป้าหยุ้มเจ้าของโรงแรมโทรเรียกแท็กซี่ให้ ซูซานลงมาช้า นั่งรอในแท็กซี่ สักพักซูซานก็ลงมา สถานีกระเช้าไฟฟ้าอยู่สองกิโลกว่า ห่างจากโรงแรม ซื้อตั๋วกระเช้าไฟฟ้า ไปกลับคนละ 80,000 ดอง ประมาณ 110 บาท ถ้าซื้อตั๋วไปอย่างเดียว 60,000 ดอง
เดินขึ้นบันไดเจอวิวก่อนเข้าไปซื้อตั๋ว เลยหยุดถ่ายรูปสักหน่อย
เข้าแถวซื้อตั๋วกระเช้าไฟฟ้า ไปเที่ยวเดียว 60,000 ดอง, ไปกลับ 80,000 ดอง, เด็ก 40,000 ดอง เราซื้อตั๋วไปกลับ แปดหมื่นดอง หรือประมาณ 120 บาท
คนไม่เยอะ ได้ตั๋วก็เดินไปตามทางเข้า ไม่ต้องต่อแถว เพราะแถวเพราะไม่มีใครเลย กระเช้าไม่ได้จอดสนิท เราต้องรีบก้าวเท้าขึ้นกระเช้าแล้วประตูก็ปิด กระเช้าก็เคลื่อนตัวออกจากสถานี... ใช้เวลาขึ้นสู่ยอดเขาประมาณ 15 นาที. วิวสวยมากๆ พอถึงยอดเขาแล้ว พอลไม่อยากเดินจึงนั่งรอที่ร้านกาแฟ ส่วนเรากับซูซานพากันเดินขึ้นไปเยี่ยมชมวัดทรั๊กลัม Truc Lum temple วัดพุทธนิกายเซน มีคนไทยมาเที่ยวที่นี่เยอะมาก เดินประมาณ ชั่วโมงกว่าๆ กลับมาหาพอลที่ร้านกาแฟ แล้วพากันเดินลงไปเพื่อขึ้นกระเช้ากลับ เราวิ่งไปเข้าห้องน้ำ พอออกมาซื้อของเล่นฝากเพิร์ซลูกแอน แล้วตามพอลกับซูซานที่นั่งรอเราอยู่ทางขึ้นกระเช้า กำลังจะเดินเข้าไป เจ้าหน้าที่ปิดประตูใส่หน้าเห็นๆ... แป่ว! ปิดพักเที่ยงเปิดอีกทีตอนบ่าย.. พอลและซูซานนั่งรอ ส่วนเราเดินกลับไปวัดอีกรอบ เดินเล่นฆ่าเวลา แล้วกลับมานั่งรอ และแล้วก็บ่ายโมง, ประตูเปิดก็กระโดดขึ้นกระเช้าไฟฟ้า วิวชมยังไงก็สวยเหมือนเดิม
ตอนเราไป คนแทบไม่มี ไม่ต้องต่อแถวเลย
ในรูปดูไม่สูงเท่าไหร่ แต่จริงๆแล้วสูงมากเลยทีเดียว
ทางเข้าวัดตรั๊กลัม
ทางเดินขึ้นวัด ทำทางเดินได้ดีมา
ด้านหน้าวัด
ข้างในวัด
พระเดินสำรวจตรวจตราภายในสวย
องค์เจดีย์ภายในวัด
ทางเดินไปอีกฝั่งของวัด
นั่งกระเช้าไฟฟ้ากลับ หลังนั่งรอ 1 ชั่วโมง เพราะไม่รู้ว่าปิดพักเที่ยง
ลงมาถึงสถานีด้านล่าง แวะนั่งเก้าอี้นวด... แล้วลงมานั่งแท็กซี่ไปวัดพระพุทธรูปทองคำ จากสถานีกระเช้าไฟฟ้าไปถึงวัดนั่งรถประมาณ 15 นาที, ทางเข้าค่อนข้างไกลจากถนนใหญ่เลยให้แท็กซี่จอดรอ... พวกเราเข้าไปถ่ายรูปและเดินเล่นจนรอบ แล้วกลับมาขึ้นรถ... ให้แท็กซี่จับไปส่งโรงแรมตามนามบัตรที่ยื่นให้... แท็กซี่ขับกลับทางเดิมซึ่งค่อนข้างอ้อม แต่เราไม่สามารถสื่อสารกันได้ เลยปล่อยเลยตามเลย... แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะค่ารถที่นี่ถูกมากจริงๆ พอเดินขึ้นบันไดโรงแรม ฝนก็กระหน่ำตกลงมาอย่างไม่ปราณี... แยกย้ายกันเข้าห้อง, เอนหลังพักผ่อน
มาวัดพระพุทธรูปทองคำ องค์ขวามือล่างล่างนั่นพอลอ่ะ.. ทำเนียน!
รูปปั้นพระพุทธเจ้าปางประสูติ
ด้านหน้าวัด
ภายในวัด
กลับถึงโรงแรมฝนตกหนักกว่าเมื่อวานอีก
หกโมงเย็นซูซานมาเคาะห้องตามนัด วันนี้จะไปดินเนอร์ที่ร้านอาหารฝรั่งเศสชื่อ Botea Bistro พอลเช็คจากทริปแอ๊ดไวซ์เซอร์... ร้านอยู่ตรงกันข้ามกับบิ๊กซีดาลัท เราส่งที่อยู่ให้คนขับพร้อมกับบอกว่าอยู่ตรงกันข้ามกับบิ๊กซี... ขับมาถึงวงเวียนหน้าตลาดคนขับพยายามเลี้ยวไปทางตรงกันข้าม เรากรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง... โน..โน..โน.. แล้วชี้ไปทางบิ๊กซี, คนขับหักพวกมาลัยกลับไปตามทางที่เราชี้ด้วยความตกใจ... แหม่ๆๆๆ จะขับพาอ้อมซะงั้น, พอมาถึงหน้าร้านเราชี้ให้จอด แล้วสะบัดตูดลงรถ ปล่อยให้พอลจ่ายเงินแล้วเดินตามมา... ที่จริงกลัวคนขับเปิดประตูลงมาต่อยอ่ะ 5555
แท็กซี่ขับผ่านหน้าตลาดดาลัท
ถนนตกแต่งด้วยไฟประดับสีสดใส
หน้าร้าน
เดินเข้าร้านอาหาร ไม่ได้แต่งสวยหรู แต่ออกชิคๆ พนักงานพาขึ้นไปชั้นสองแล้วชี้ให้เลือกนั่งโต๊ะที่ว่างพร้อมยื่นเมนูให้พวกเรา... อาหารที่นี่แพงหูสี่, ถ้าแพงกว่านี้จะเป็นหูห้า 55555 สั่งไวน์ไป 1 ขวด แล้วหลับหูหลับตาสั่งอาหารเพราะไม่อยากดูราคา... ร้านอาหารฝรั่งเศส พนักงานเป็นคนเวียดนาม, เปิดเพลงอิตาเลี่ยน, สั่งไวน์จากชิลี, สั่งสเต็กนำเข้าจากออสเตรเลีย, คนสั่งเป็นอเมริกันและคนไทย... กราบ....
ตอนเปิดไวน์ให้จิบชิมรู้สึกว่ารสไม่ค่อยนิ่มเท่าไหร่แต่พอเปิดทิ้งไว้สักพักนี่หยังลำเลย, อาหารอร่อยใช้ได้, ดนตรีเปิดพอให้ครึกครื้นไม่ถึงกับดังหนวกหู, เพื่อนร่วมโต๊ะทำให้ค่ำคืนนี้มีสีสรร จบด้วยความตลึงเมื่อเรียกเก็บบิล... สามล้านกว่าดอง หรือ สี่พันห้า หรือร้อยสี่สิบกว่าเหรียญ.... แพงสุดเท่าที่มาเที่ยวเวียดนามครั้งนี้...
ดินเนอร์ที่ร้านโบที บิสโทร
ตับเป็ด - ฟัวกรา
ผักย่าง
เราสั่งสเต๊ก กินได้ครึ่งเดียว อีกครึ่งเทศบาลพอลฟาดเรียบ เจริญอาหารจริงพ่อคุณ!
เข้าห้องน้ำเจอทิชชูไม่มีแกน
เราขอเดินกลับ ปล่อยให้ซูซานกับพอลนั่งแท็กซี่กลับ ระยะทางประมาณสองกิโลกว่า ตอนเดินกลับไม่ได้รู้สึกกลัวอะไรเลย อากาศก็เย็นสบายเหมือนหน้าหนาวที่เชียงดาว... พอกลับมาถึงโรงแรม ซูซานกับพอลยืนคุยกับป้าหยุ้มเจ้าของโรงแรมที่ล็อบบี้ เราเข้าไปร่วมวงสนทนาสักครู่พวกเราก็ขอตัวขึ้นห้อง, ซูซานไปห้องเอาขนมมากินที่ห้องเรา, เปิดเบียร์อีกคนละสองกระป๋อง คุยกันเพลินจนดึก, ซูซานกลับห้อง เราก็อาบน้ำนอน
เดินกลับโรงแรม อดควักมือถือออกมาถ่ายไม่ได้, สวยมากๆ เสียดายมือถือเรารุ่นโบราณ ถ่ายภาพกลางคืนไม่สวยเลย
เดินผ่านน้ำพุข้างบิ๊กซี เสียดายเขาไม่ได้เปิดน้ำพุและเปิดไฟ แต่ถึงอย่างนั้นก็มีคนไปถ่ายรูปกัน
บันไดขึ้นโรงแรมที่เรานั่งสูบบุหรี่ทุกเช้า, ในภาพพอลกับซูซานยืนคุยกับป้าหยุ่มเจ้าของโรงแรม